NEW MG4 ELECTRIC เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้น 709,900 บาท

NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้า 100% เปิดตัวให้ทุกคนได้สัมผัสคันจริงกันในงาน Bangkok International Motor Show 2024

ราคาจำหน่าย NEW MG4 ELECTRIC ทั้งหมดทุกรุ่น
• NEW MG4 ELECTRIC – STANDARD RANGE รุ่น D : 709,900 บาท
• NEW MG4 ELECTRIC – STANDARD RANGE รุ่น X : 809,900 บาท
• NEW MG4 ELECTRIC – LONG RANGE รุ่น V : 889,900 บาท
• NEW MG4 ELECTRIC รุ่น XPOWER AWD : 1,119,900 บาท

NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ICON” นิยามของการเป็น “ต้นแบบ” และมาตรฐานใหม่ของรถอีวีที่ขับสนุกและเร้าใจ ที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายแต่ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ “อีวีสายพันธุ์แท้” ที่ออกจากสายการผลิตในประเทศไทยอย่าง STANDARD RANGE

เอ็มจี ได้มีเพิ่มเติมฟังก์ชันและฟีเจอร์ที่พัฒนาตามความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยเข้ามาอีกหลากรายการ ที่ทำให้รถแฮทช์แบคไฟฟ้าคันนี้มอบประสบการณ์ขับขี่และการใช้งานได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยรุ่น LONG RANGE ที่เพิ่มระยะทางการขับสนุกให้ไปได้ไกลมากยิ่งกว่า ด้วยแบตเตอรี่ขนาดความจุ 64 kWh

นอกจากนี้ เอ็มจี ยังได้เอาใจกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบความเร็วและแรง ด้วยการเพิ่ม XPOWER EV Hot Hatch รุ่นสมรรถนะสูงที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้พละกำลังสูงสุดถึง435 แรงม้า พร้อมแรงบิด 600 นิวตัน ซึ่งทุกตัวมาพร้อมแพลตฟอร์มที่ออกมาเพื่อเป็นรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ รวมถึงระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มมาตรฐาน EURO NCAP 5 ดาว

NEW MG4 ELECTRIC พร้อมให้ผู้ที่หลงใหลในความสนุกและความเร้าใจในการขับขี่ได้สัมผัส “ความเป็นที่สุด” ของ “แฮทช์แบคอีวีที่ขับสนุก” (THE BEST ENJOYABLE EV) กับนิยามของความเป็น “ICON” ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น

NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM โครงสร้างการออกแบบ “เนบิวลา” ที่พัฒนาขึ้นเพื่อยนตรกรรมไฟฟ้าโดยเฉพาะ

NEW MG4 ELECTRIC เป็นยนตรกรรมรุ่นแรกที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ดีไซน์มาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ กับความสามารถในการนำไปปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ครอบคลุมหลากหลายเซกเมนต์ หลายขนาด ตั้งแต่รถแฮทช์แบ็ค ซีดานไปจนถึงรถ SUV รวมถึงรองรับแบตเตอรี่หลากหลายความจุ

โดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบ
NEW MG4 ELECTRIC ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตรอบคัน โฉบเฉี่ยวในทุกการเคลื่อนไหว
• การออกแบบตัวรถใหม่แบบ AVANT-GARDE INDUCTIVE DESIGN
• ไฟหน้า LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX HEADLIGHTS
• ไฟท้าย LED ลาย CGYNUS SYMBOL DECORATIVE LIGHT
• หลังคาแบบทูโทน พร้อมสปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING
• ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว พร้อม AERO WHEEL COVER ในรุ่น STANDARD RANGE และอัปเกรดเพิ่มเติมในรุ่น LONG RANGE และ รุ่น XPOWER ด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
• มิติตัวถัง 4,287 x 1,836 x 1,516 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
• ระยะความยาวฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร

สิ่งที่เพิ่มเติมในรุ่น STANDARD RANGE และ LONG RANGE คือ
• ใบปัดน้ำฝนด้านหลัง เพื่อช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น
• Adaptive Grille ที่สามารถปรับองศาให้สอดคล้องกับความเร็วได้ในส่วนของรุ่น XPOWER
• ตกแต่งด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีส้ม
• เพิ่มเติมโลโก้ XPOWER ด้านหลัง

ดีไซน์ภายใน
• คอนโซลกลาง FLOATED CENTRAL CONTROL PLATFORM พร้อมอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charger)
• ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง
• พวงมาลัย ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์
• กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ
• หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display)
• ลำโพง 6 จุด
• ช่องจ่ายไฟ Power Outlet 12V
• รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ สมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย ในรุ่น STANDARD RANGE และ LONG RANGE
• พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C
• ระบบกรองอากาศ PM2.5
• เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
• เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง ปรับ 60:40
• โหมด Intelligent Smart Access เมื่อผู้ขับขี่อยู่ในตำแหน่งคนขับ เพียงเหยียบเบรกระบบการทำงานของรถจะสตาร์ทอัตโนมัติ

ฟังก์ชั่นเพิ่มเติมของรุ่น STANDARD RANGE และ LONG RANGE
• หน้าจอสีระบบสัมผัสปรับให้ใหญ่ขึ้นจาก 10.25 นิ้ว เป็นขนาด 12 นิ้ว
• เพิ่มความสะดวกในการใช้งานกับ ช่องวางแก้วด้านข้างประตู
• เพิ่มราวมือจับสำหรับผู้นั่งโดยสาร (Assist Grip) 3 ตำแหน่ง

รุ่น XPOWER ให้ความสปอร์ตพรีเมียมด้วยวัสดุที่ใช้หุ้มเบาะที่ผสมผสานระหว่างหนังสังเคราะห์และหนังอัลคันทาร่า (Alcantara)

ICONIC PERFORMANCE อีวีเลือดใหม่ที่ขับสนุก และเร้าใจ
เปิดมิติใหม่ให้กับการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้ากับ NEW MG4 ELECTRIC ที่มาพร้อมกับสมรรถนะและการควบคุมที่เป็น “ต้นแบบและมาตรฐานใหม่ของรถ EV ที่ขับสนุกและเร้าใจกว่าที่เคย”
• ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor
– รุ่น STANDARD RANGE และ รุ่น LONG RANGE ให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร
– รุ่น XPOWER ให้พละกำลังสูงสุดที่ 435 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.8 วินาที
• มาพร้อมกับเทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY
– รุ่น STANDARD ขนาดความจุ 49 kWh (LFP) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 423 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
– รุ่น LONG-RANGE ขนาดความจุ 64 kWh (NMC) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 540 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
– รุ่น XPOWER ขนาดความจุ 64 kWh (NMC) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 480 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
• แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
• ระบายความร้อนได้เป็นอย่างดีด้วยระบบ LIQUID COOLING SYSTEM
• ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (DYNAMIC REAR WHEEL DRIVE) และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในรุ่น XPOWER
• ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ (ADAPTIVE)
• ระบบโครงสร้างพวงมาลัยรูปแบบใหม่ DUAL PINION ควบคุมด้วยไฟฟ้า
• รัศมีวงเลี้ยว 5.3 เมตร
• การกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ควบคู่กับการออกแบบลักษณะ Low Centre of Gravity ที่ให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเพื่อการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
• ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระ 5-Link Suspension
• โหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM และ SNOW
*ทดสอบตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน NEW EUROPEAN DRIVING CYCLE (NEDC)

ICONIC SAFETY ขับขี่อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางกับระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุม
NEW MG 4 ELECTRIC มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) ปรับแต่งระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 26 ระบบ ได้แก่
• ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
• ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
• ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
• ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
• ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
• ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
• ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System) โดยผสานรวมระบบ LDP (Lane Departure Prevention) LKA (Lane Keep Assist) และ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) เข้าไว้ด้วยกัน
• ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
• ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
• ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
• ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
• ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
• ระบบช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking)
• ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
• ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
• ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
• ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
• เฉพาะในรุ่น XPOWER เพิ่มเติมระบบ One Pedal ช่วยให้ขับขี่ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer และระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)

EASY CHARGE ง่าย สะดวกสบาย ทุกการชาร์จ ด้วยสถานีชาร์จที่ครอบคลุม
NEW MG 4 ELECTRIC ทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย ด้วยระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ รองรับทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge พร้อมสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG Super Charge ที่ติดตั้งแล้วกว่า 146 แห่งทั่วประเทศ
รุ่น STANDARD
• ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% – 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 88 kW
• ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที* ที่ 6.6 kW

รุ่น XPOWER และ LONG RANGE
• ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% – 80% ใช้เวลาประมาณ 26 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 140 kW
• ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง 45 นาที* ที่ 6.6 kW และรองรับไฟสูงสุดที่ 11 kW
• รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า

พร้อมด้วย ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART ที่ช่วยยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ เอ็มจี ที่ประกอบด้วย

ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ (Smart Check)
• ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่ Battery Doctor บันทึกและวิเคราะห์ พฤติกรรมการใช้งาน พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลรักษาแบตเตอรี่เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น
• ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
• ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
• ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
• ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ

ระบบสั่งการอัจฉริยะ (Smart Command)
• กุญแจดิจิตอล
• ระบบสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย
• ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
• ระบบโทรออก – รับสายกรณีฉุกเฉิน
• ระบบสั่งการชาร์จ สถานี MG SUPER CHARGE ผ่านทางสมาร์ทโฟน

ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Smart Connect)
• ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time
• ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง
• อัพเกรดระบบผ่านออนไลน์
• ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง
• อัพเดทข้อมูลพยากรณ์อากาศ
• ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน

* อุปกรณ์ที่ติดตั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น

NEW MG4 ELECTRIC กับประสบการณ์ความสนุกและเร้าใจที่คุณเลือกได้
– รุ่น STANDARD RANGE ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น D ภายในสีดำ และ รุ่น X ภายในสีทูโทนเทา-ดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop)

– รุ่น LONG RANGE หรือ รุ่น V ภายในสีทูโทนเทา-ดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop)
โดยมีสีตัวถังให้เลือก คือ สีส้ม (Fizzy Orange) สีขาว (Arctic White) สีเทา (Andes Grey) สีดำ (Black Knight) และเฉพาะสีฟ้า (Brighton Blue) จะมีในรุ่น X และ รุ่น V

– รุ่น XPOWER AWD ภายในสีดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) กับสีตัวถังที่โดดเด่นอย่าง สีเขียว (Wild Hunter Green)